ยกระดับพลังของกลไกเพื่อท้าทายกฎแห่งกาลเวลา ควบคุมความเสี่ยงเพื่อกำหนดวิถีที่ดีที่สุด และยืนหยัดเพื่อชัยชนะ Rolex เป็นพันธมิตรหลักของการแข่งขันความทรหดระดับตำนาน เหตุการณ์อันเป็นสัญลักษณ์ที่เลื่องชื่อสูงสุด และเป็นชื่อที่น่าจดจำที่สุดในวงการมอเตอร์สปอร์ต
ก้าวข้ามขีดจำกัด จนกระทั่งวินาทีสุดท้าย
เผยแพร่เมื่อ มิถุนายน 9, 2025
การแข่งขัน 24 Hours of Le Mans การแข่งรถเอ็นดูรานซ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของมอเตอร์สปอร์ต
การแข่งขัน 24 Hours of Le Mans คือการเฉลิมฉลองความทรหดและความเป็นเลิศของวงการมอเตอร์สปอร์ต เมื่อค่ำคืนเข้าปกคลุมสนามอันเป็นเลื่องชื่อ Circuit de la Sarthe การแข่งขันนี้ได้ผลักดันทักษะและความแกร่งของนักขับไปจนถึงขีดสุด การแข่งขันครั้งแรกจัดขึ้นในปี 1923 โดยมีนักแข่งจาก 33 ทีม (ทีมละสองคน) เข้าร่วม และในวันนี้ รถแข่งกว่า 60 คันพร้อมคนขับทีมละ 3 คน ต่างแย่งชิงความเป็นหนึ่ง ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่และทีมเอกชนต่างแสดงศักยภาพทางเทคโนโลยีอย่างเต็มที่ ตั้งแต่ปี 2001 Rolex ได้รับเกียรติเป็นพันธมิตรหลักอย่างเป็นทางการและเป็นนาฬิกาประจำการแข่งขันของความท้าทายอันน่าทึ่งนี้ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองความพยายามของนักแข่งทุกคนในการคว้าชัยชนะสูงสุด นั่นคือการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่ง
Rolex 24 At DAYTONA สนามระดับตำนานที่จัดการแข่งขันอันแสนยิ่งใหญ่
Daytona International Speedway ในฟลอริด้าซึ่งมีระยะทาง 5.73 กิโลเมตร (3.56 ไมล์) แห่งนี้ คือสนามประลองความทรหดของนักแข่งและทีมงานในการแข่งขันที่ใช้ระยะเวลายาวนานต่อเนื่องถึง 24 ชั่วโมง ผู้ที่มีจิตใจแข็งแกร่งเหนือใครและสมรรถนะด้านเครื่องยนต์และเทคนิคระดับเหนือชั้นเท่านั้นที่จะพิชิตชัยในศึกนี้ได้ โดยการจัดอันดับจะขึ้นอยู่กับระยะทางที่รถแข่งสามารถทำได้ภายในเวลาที่กำหนด ทั้งนี้ Rolex เป็นผู้สนับสนุนหลักและเป็นนาฬิกาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันนี้มาตั้งแต่ปี 1992
The 12 Hours of Sebring แสดงสมรรถนะท่ามกลางความกดดัน
การแข่งขัน 12 Hours of Sebring ก่อตั้งขึ้นในปี 1952 ในประเทศสหรัฐอเมริกาและขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในการแข่งรถประลองความทรหดที่ท้าทายที่สุดในโลก เส้นทางแข่งที่ขรุขระเต็มไปด้วยเนินของสนามแข่ง Sebring International Raceway คือเครื่องทดสอบความน่าเชื่อถือของรถอย่างแท้จริง นักแข่งที่ลงแข่ง 24 Hours of Le Mans จะมาเยือนสนามแห่งนี้ในเดือนมีนาคมเพื่อทดสอบสมรรถนะเครื่องยนต์รถแข่งของพวกเขา โดย Rolex ได้ดำรงฐานะเป็นเรือนเวลาอย่างเป็นทางการของการแข่งขันรายการนี้
แบรนด์มอบนาฬิกา Cosmograph Daytona ให้กับผู้ชนะในทั้งสามรายการอันเลื่องชื่อดังกล่าว ซึ่งถือเป็นสามมงกุฎแห่งกีฬาแข่งรถเอ็นดูแรนซ์ระดับโลกโดยแท้
ความน่าเชื่อถือเหนือกาลเวลา
Rolex มีความร่วมมือกับองค์กรสำคัญระดับแนวหน้าในวงการแข่งรถเอ็นดูรานซ์ โดยนับตั้งแต่ปี 2001 แบรนด์ได้ให้การสนับสนุน Automobile Club de l’Ouest (ACO) ซึ่งเป็นผู้จัดการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans และดูแล FIA World Endurance Championship (WEC) ซึ่งเป็นการแข่งขันรถสปอร์ตระดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก
กลไกแห่งความก้าวหน้า
เดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งที่ดียิ่งขึ้นด้วยทรัพยากรที่น้อยลง นี่คือความท้าทายสำคัญทั้งด้านกีฬาและสิ่งแวดล้อมที่ทีมแข่งรถและผู้ผลิตยานยนต์ต้องเผชิญในวันนี้ นั่นคือ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานควบคู่ไปกับการผลักดันขีดจำกัดของสมรรถนะให้ไปไกลยิ่งกว่าเดิม Rolex ยึดมั่นในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าเสมอมา และให้การสนับสนุนวงการมอเตอร์สปอร์ตในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญนี้
Tom Kristensen มิสเตอร์เลอมองส์
ในฐานะแชมป์ 24 Hours of Le Mans เก้าสมัย Tom Kristensen ซึ่งได้รับเกียรติเป็น Rolex Testimonee ตั้งแต่ปี 2010 คือยอดนักขับที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในประวัติศาสตร์ของการแข่งรถรายการนี้ เขาคว้าชัยในการลงแข่งครั้งแรกในปี 1997 และครองความยิ่งใหญ่ระหว่างปี 2000 ถึง 2005 นักแข่งชาวเดนมาร์กรายนี้ยังคว้าชัยชนะเพิ่มเติมอีกสองครั้งในปี 2008 และ 2013 โดย Kristensen ขึ้นแท่นโพเดียมได้ถึง 15 ครั้งจากการลงแข่งทั้งหมด 18 ครั้งในรายการนี้ อีกทั้งยังครองตำแหน่ง FIA World Endurance Championship (WEC) (WEC) ในปี 2013 และเป็นแชมป์ 12 Hours of Sebring ถึงหกสมัยด้วย
Jamie Chadwick นักขับผู้เป็นอนาคตของวงการ
Jamie Chadwick อายุไม่ถึง 16 ปีด้วยซ้ำเมื่อครั้งที่เธอคว้าแชมป์รายการ Silverstone 24 Hour ในปี 2015 แชมป์หญิงคนแรกของการแข่งขัน British GT Championship และผู้ชนะสามสมัยในรายการ W-Series (Formula 3) Chadwick คือตัวแทนแห่งอนาคตของมอเตอร์สปอร์ต ในฐานะ Rolex Testimonee ตั้งแต่ปี 2022 เธอสามารถคว้าชัยชนะได้ในการแข่งขันฤดูกาลเปิดตัวของเธอในรายการ European Le Mans Series ปี 2025